คู่มือสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
คู่มือสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
คู่มือนี้สำหรับผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยที่กำลังได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด เพื่อเป็นแนวทางให้ทราบถึงวัตถุประสงค์วิธีรักษาและผลข้างเคียงที่เกิดจากยา การปฏิบัติตนเพื่อบรรเทาอาการเหล่านั้น
เคมีบำบัดคืออะไร
เคมีบำบัดคือ การนำสารเคมีหรือยามาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ยาเหล่านี้ ถือว่าเป็นยาต่อต้านมะเร็ง
การออกฤทธิ์ของยาเคมีบำบัด
ยาเคมีบำบัดเมื่อเข้าไปในกระแสเลือดจะกระจายไปทั่วร่างกายยาจะทำลายเซลล์เนื้อร้ายหรือเซลล์มะเร็ง โดยขัดขวางการเจริญเติบโตของเซลล์ ยาเคมีบำบัดจะทำลายเซลล์ที่กำลังแบ่งตัวเร็วได้ดี ดังนั้นจึงอาจมีผลต่อเซลล์ธรรมดาที่แบ่งตัวเร็วด้วย เช่น ไขกระดูก เยื่อบุทางเดินอาหารฯลฯ ทำให้เกิดผลข้างเคียงซึ่งเป็นเพียงชั่วคราว เมื่อหยุดยาเซลล์เหล่านี้ก็จะฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติได้เร็ว การให้มีระยะพักระหว่างให้ยาแต่ละครั้ง ก็เพื่อให้เซลล์เหล่านี้ฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติ
อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ภายหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัดมีดังนี้
1.คลื่นไส้,อาเจียน
อาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังให้ยา บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อยแต่ไม่อาเจียน บางคนอาจจะเกิดอาการขึ้นทันทีหลังจากได้ยาประมาณ 2-3 ชม.ไปแล้วก็ได้ สำหรับบางคนที่มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนมากตลอดวันและรับประทานอารหารได้น้อยมากควรรีบปรึกษาแพทย์
การบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ควรปฏิบัติดังนี้
* รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย รับประทานครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
* หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด มีไขมันและ ของทอดทุกชนิด
* ทำความสะอาดปากและฟัน หลังอาหารทุกมื้อ
* ถ้ารู้สึกคลื่นไส้ให้พักผ่อนและสูดหายใจยาวๆ ลึกๆ ช้าๆ
2 ผมร่วง
ผมร่วงเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากเคมีบำบัดที่พบได้โดยทั่วไปแต่ไม่เกิดขึ้นกับทุกคนเสมอไป บางคนอาจจะร่วงเล็กน้อย ทำให้ผมบางลง หรือบางคนอาจจะร่วงมากจนกระทั่งศรีษะล้าน แต่ผมก็จะขึ้นมาใหม่หลังจากหยุดยาเคมีบำบัด บางคนอาจจะเริ่มมีผมขึ้นใหม่ในระหว่างที่ยังให้ยาอยู่ และในบางรายผมที่ขึ้นใหม่ อาจมีสีที่แตกต่างจากของเดิมและผมจะเส้นเล็กนุ่มกว่าเดิม
วิธีที่จะประวิงเวลาให้ผมร่วงช้าลงควรปฏิบัติดังนี้
*ให้ตัดผมสั้น การดูแลผมจะง่ายกว่าในกรณีที่เกิดผมร่วง
*ใช้แชมพูสระผมชนิดอ่อนๆ เช่น แชมพูสำหรับเด็ก และอย่าสระผม
*ใช้แปรงที่มีขนนิ่มแปรงผมหรือใช้หวีที่มีซี่ฟันห่างๆและอย่าหวีผมบ่อย
*ห้ามไดร์ผม ดัดผม หรือย้อมผม
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าควรต้องใช้วิกหรือไม่
*ควรเตรียมวิกผมไว้ล่วงหน้าก่อนผมร่วงหมดจะเข้ากับรูปหน้าที่มีผมตามธรรมชาติมากกว่าซื้อวิกผมเมื่อผมร่วงมากแล้ว
3.แผลในปาก
อาจมีแผลในปากหรืออาจมีเพียงอาการปวดแสบในปาก เนื่องจากอาการนี้ทำให้รับประทานอาหารได้ลำบาก จึงส่งผลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลง ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตัวดังนี้
*แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มและบ้วนปากทุกครั้ง หลังรับประทานอาหารทุกมื้อ
*รับประทานอาหารอ่อนๆ
*อมน้ำแข็งบดจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น
4.ท้องเสีย
อาการท้องเสียเป็นผลข้างเคียงภายหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับบางคนเท่านั้น ถ้ามีอาการดังกล่าวโปรดแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบ และควรปฏิบัติดังนี้
*ควรรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกแล้ว
*ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย เช่น กล้วย
*รับประทานอาหารอ่อนๆย่อยง่ายแต่ครั้งละน้อยๆ
*หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่ว โซดา
*ควรงดดื่ม นม ชา และ กาแฟ ตลอดจนน้ำผลไม้ทุกชนิด
*ควรดื่มน้ำมากๆ เช่น น้ำอุ่นๆ เป็นต้น
*รับประทานยาแก้ท้องเสียตามคำสั่้งแพทย์
5.ท้องผูก
อาการท้องผูกอาจจะเกิดขึ้นได้กับบางคน ซึ่งถ้ามีอาการดังกล่าว
ควรปฎิบัติดังนี้
*ให้รับประทานอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผักและผลไม้ให้มากขึ้น ข้่าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ
*ให้ดื่มน้ำมากๆ วันละไม่ต่ำกว่า3 ลิตรอาจจะเป็นน้ำผลไม้น้ำมะตูม น้ำเก๊กฮวย น้ำตะไคร้ น้ำใบบัวบก น้ำมะขาม
*ออกกำลังกายให้เพียงพอและสม่ำเสมอ
*ให้ใช้ยาถ่าย หรือ ยาระบายตามคำสั่งแพทย์
6.ผิวหนังและแล็บ
ยาบางชนิดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและเล็บเช่น เกิดการเปลี่ยนสีผิว และเล็บอาจจะดำคล้ำมากขึ้น เกิดรอยดำตามหลอดเลือดตรงตำแหน่งที่ฉีดยา ผิวหน้าอาจมีฝ้าขึ้นสีคล้ำ ผิวหนังแห้ง เล็บมีรอยดำคล้ำ อาการต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นชั่วคราว
การป้องกันผิวหนังที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติ
*หลีกเลี่ยงจากการถูกแสงแดดจ้า ด้วยการสวมเสื้อแขนยาวใช้ร่มหรือสวมหมวก
*ทายากันแดดที่หน้าเพื่อป้องกันฝ้า
*ทาครีมหรือน้ำมันที่ผิิวหนัง เพื่อช่วยให้ชุ่มชื่น
7.การป้องกันการติดเชื้อ
ยาเคมีบำบัดอาจทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากยาเคมีบำบัดจะไปกดการทำงานของไขกระดูกทำให้ผลิตเม็ดเลือดขาวลดลงร่างกายก็จะต่อสู้กับเชื้อโรคได้น้อยลง ผู้ป่วยจึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายโดยเฉพาะในช่วง 7-14 วันหลังให้ยาดังนั้นเื่พื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
*ไม่ควรไปในที่ที่มีฝูงชนแออัด เช่น ศูนย์การค้า ตลาดนัดโรงภาพยนตร์
*หลีกเลี่ยงให้ห่างจากคนที่เป็นโรคติดต่อ เช่น เป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด
*ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และภายหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
*ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อ ประกอบด้วย มีไข้สูงหนาวสั่น เจ็บคอ ไอมาก ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยากินเอง
8.เพศสัมพันธ์
ยาเคมีบำบัดอาจมีผลกับอวัยวะสืบพันธุ์ และหน้าที่การทำงานทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ไม่เสมอไป ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นขึ้นกับยาที่ผู้ป่วยได้รับ อายุและสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยเอง
ในผู้ชายยาเคมีบำบัดจะทำให้มีการผลิตอสุจิน้อยลง ซึ่งจะทำให้เป็นหมันชั่วคราว หรืออาจจะเป็นหมันถาวร ขึ้นอยู่กับยาที่ได้รับ แต่ผู้ป่วยก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปรกติและสามารถมีบุตรได้ โดยการเก็บอสุจิไว้กับธนาคารฯก่อนได้รับยาเคมีบำบัดโดยผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ในเรื่องเหล่านี้
ในผู้หญิงยาเคมีบำบัดจะไป ทำให้รังไข่ผลิตฮอโมนลดน้อยลง และมีผลทำให้บางคนมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอหรือขาดประจำเดือนในระหว่างที่ใช้ยาเคมีบำบัดและในผู้ป่วยบางรายที่่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไปประจำเดือนอาจจะหมดไปเลย มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว คัน ช่องคลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ควรใช้ครีมหล่อลื่นด้วย นอกจากนี้ควรคุมกำเนิดในระหว่างรักษาด้วยยาเคมีบำบัด เพราะทารกในครรภ์อาจเกิดความผิดปรกติได้
9.อารมณ์
ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดอาจมีอารมณ์แปรปรวน เนื่องจากกังวลต่อโรคที่เป็นและต่ออาการอันเกิดจากผลข้างเคียงของยา แลบางรายอาจมีความวิตกถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกด้วย
จึงจำเป็นที่ครอบครัว ญาติและเพื่อนควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ป่วยโดยการดูแลเอาใจใส่ และพูดคุยให้กำลังใจเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจมีกำลังใจขึ้น และคลายความวิตกกังวล
ขอบคุณที่มา หน่วยเคมีบำบัดและให้เลือดโรงพยาบาลศิริราช